เป็นอีกครั้งที่ทำให้อุ้มประหลาดใจมากๆ กับการรีวิวในครั้งนี้ บอกตรงๆว่า อุ้มแทบจะไม่เคยได้ยินแบรนด์ Infinix มาก่อน และเมื่อได้แกะกล่อง NOTE4 PRO ก็พบกับสิ่งต่างๆมากมาย พร้อมกับราคาที่เร้าใจสุดๆ เพียงแค่ 7,990 บาท จะมีอะไรที่น่าสนใจ ไปชม รีวิว Infinix NOTE4 PRO จากอุ้มพร้อมๆกันเลยค่ะ

UNBOXING

กล่องของ NOTE4 PRO ค่อนข้างใหญ่พอสมควรเลยนะคะ เพราะข้างในจะถูกแบ่งย่อยเป็นอีก 2 กล่อง ดังนี้

  1. กล่องตัวเครื่อง : ที่กล่องนี้เราจะได้เจอกับตัวเครื่อง NOTE4 PRO และอุปกรณ์พื้นฐานต่างๆ เช่น หูฟัง สายชาร์จ อแดปเตอร์ คู่มือการใช้งาน ใบรับประกัน ฟิล์มกันรอยหน้าจอ
  2. กล่องอุปกรณ์เสริม : ทีเด็ดสำคัญอยู่ที่กล่องนี้ค่ะ เพราะเค้าจะให้ Xpen และ Smart Cover มาให้ครบเลย ไม่ต้องไปซื้อแยกนะคะ

เอาจริงๆ ก็ถือว่าเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่ใจปั้มมากๆ เพราะไม่ได้ให้แค่ปากกาเพียงอย่างเดียว เคสและฟิล์มก็ใส่มาในกล่องเลย มากับคอนเซป ซื้อครั้งเดียว ได้ครบหมด ไม่ต้องไปหาเพิ่ม ยอมใจค่ะ

 

NOTE4 PRO

สำหรับคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อแบรนด์ Infinix เลย อุ้มขอแนะนำนิดนึงค่ะ Infinix เป็นแบรนด์น้องใหม่จากจีน ที่เพิ่งเริ่มเข้ามาทำการตลาดในไทย ก่อนหน้านี้ก็เริ่มมีสมาร์ทโฟนบางรุ่นวางขายไปแล้วนะคะ แต่สำหรับ NOTE4 PRO อุ้มมองว่าทางแบรนด์เอง น่าจะคาดหวังพอสมควร เดาจากตัวสินค้าและของแถมที่ให้มานะคะ

 

ตัวเครื่อง

หน้าตาของเจ้า NOTE4 PRO ค่อนข้างดูดีเลยทีเดียว วัสดุจะเป็นโลหะ unibody เป็นสัมผัสที่รู้สึกแพงกว่าราคาของมันค่ะ น้ำหนักอาจจะมากไปสักนิดนึงที่ 200 กรัม หนา 8.3 mm ถ้ามือใหญ่ๆ น่าจะจับมือเดียวพอไหวค่ะ แต่อุ้มมือเล็ก จับมือเดียวกลัวหล่นน่าดู

หน้าจอ

หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว ใหญ่สะใจมากๆ และคมชัดสวยสุดๆ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Sharp ได้ยินชื่อนี้ เรื่องค่าสี และความสว่างของหน้าจอ ไม่ต้องห่วงเลยทีเดียว ความละเอียดอยู่ที่ระดับ Full HD นะคะ สำหรับอุ้ม หน้าจอเป็นสิ่งนึงที่อุ้มประทับใจที่สุดบนเจ้า NOTE4 PRO เลยค่ะ

รอบตัว

พาไปชมรอบตัวกันสักนิดนึงนะคะ ตัวนี้ยังมีปุ่มแสกนลายนิ้วมืออยู่ด้านหน้าใต้จอแสดงผล และมีกล้องหน้าอยู่ด้านบนค่ะ  ด้านขวาจะเป็นปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง ปุ่ม Power และ รูเสียบ micro sd card ด้านซ้าย จะมีจุด connector ที่เอาไว้ใช้งานร่วมกับ Xpen และเคส รวมทั้งที่ใส่ซิม (รองรับการใช้งาน 2 ซิม)

พลิกมาด้านหลัง เราจะเจอกับกล้องและไฟแฟลช ด้านท้ายจะมีรูเสียบชาร์จแบบ micro usb ลำโพง ส่วนด้านบน จะมีรูเสียบหูฟัง 3.5 mm อยู่

Smart Cover

อย่างที่บอกไปค่ะ ว่ามี Smart Cover หรือเคสฝาพับ ใส่มาให้ในกล่องด้วย โดยจะมีจุดที่เชื่อมต่อระหว่างตัว NOTE4 PRO และ Xpen หากต้องการชาร์จ ก็ใส่เข้าเคสได้เลย เท่าที่ทดลองใช้ เคสก็ออกแบบมาได้ดีนะคะ ด้านหน้าหากเราปิดฝาเคส จะแสดงสถานะผ่านตัวเคส โดยไม่ต้องกดเข้าไปดู

Xpen

ความเก๋ไก๋ของปากกา Xpen ที่แถมมา มีความใกล้เคียงกับปากกา S Pen รุ่นพี่พอสมควรค่ะ แต่จะมีน้ำหนักมากกว่า ความยาวจะใกล้เคียงกับปากกา ทำให้จับเขียนได้ถนัดมือ มีปุ่มเล็กๆ อยู่บนตัวปากกา โดยหากเรากดค้างไว้ จะกลายเป็นการลบ และยังมีคำสั่งอื่นๆ เดี๋ยวจะเล่าต่อไปนะคะ

เวลาชาร์จปากกา ก็เสียบเข้ากับเคส จะเป็นการชาร์จจากตัวเครื่อง NORE4 PRO อีกทีนึง โดยชาร์จเพียง 20 วินาที ก็ใช้งานได้ถึง 40 นาที

 

การเขียนและจดบันทึก

อุ้มขอดึงเอาบางความสามารถมาเล่าให้ฟังกันแบบง่ายๆ ดังนี้นะคะ

– หากปากกาและตัวเครื่องอยู่ในเคส แล้วเราดึงเอา Xpen ออก จะเท่ากับเข้าสู่โหมด Memo ทันที

– ในขณะที่เปิดหน้าจออยู่ หากเรากดที่ปุ่มบน Xpen พร้อมเอาปากกาแตะที่หน้าจอ จะเข้าสู่เมนูทางลัดของปากกาทันที ประกอบไปด้วย Note / Memo / เลือกอย่างสมาร์ท / เขียนหน้าจอ หรือจะเพิ่มทางลัดอื่นๆเข้ามาได้

– ในขณะที่เปิดหน้าจออยู่ หากเรากดที่ปุ่มบน Xpen พร้อมเอาปากกาแตะที่หน้าจอ 2 ครั้ง จะเป็นการดึง Post it ออกมาให้เราจดบันทึกได้

– หากต้องการใช้ NOTE4 PRO จดบันทึก สามารถจดหรือวาดรูปผ่านแอพ XNote ได้เลยค่ะ

ถ้าถามว่าการเขียนเป็นยังไงบ้าง ก็คงต้องตอบว่า ให้เขียนแบบใจเย็นๆค่ะ ถ้าใจร้อนปุ๊ป เครื่องอาจจะบันทึกการเขียนของเราไม่ทันได้ และหากกดปุ่มบนปากกาเพื่อใช้ลบ ก็ต้องรอนิดนึงนะคะ ไม่งั้นจะไม่ลบให้ค่ะ

อีกข้อที่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบคือ ตัวนี้จะไม่มี Palm Protection นะคะ สามารถใช้มือเขียนแทนปากกาได้เลย เพราะฉะนั้น วางมือตอนเขียนไม่ได้นะคะ ตรงมือเราจะติดเป็นลายเขียนได้

ตัวแอพเอง ก็สามารถเปลี่ยนสีของปากกา รวมทั้งพู่กันได้ตามใจเรานะคะ หากบันทึกเสร็จแล้ว ก็แชร์ต่อในโซเชียลกันต่อไป 

 

การถ่ายภาพ

สำหรับเรื่องกล้อง ตัวนี้กล้องหลังจะมากับความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อม Dual Flash รวมทั้งกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มากับเลนส์เซลฟี่ตัวล่าสุดอีกด้วย

ตัวเครื่องจะมีโหมด และโหมดบิวตี้มาให้เลยนะคะ ส่วนตัว อุ้มชอบกล้องหน้า มากกว่ากล้องหลังค่ะ อันนี้ไม่เน้นเท่าไหร่ ขอข้ามไปและกันเนอะ ^^

 

การใช้งานทั่วไป

Infinix NOTE4 PRO จะมาพร้อมกับซิฟเซ็ต Octa core ใส่แรมมา 3GB และมีความจุให้ 32GB สามารถเพิ่ม micro sd card ได้ถึง 128 GB ลองเล่น ROV ปรากฏว่าเล่นได้ลื่นๆ แต่เวลาเข้าแอพต่างๆ ก็แอบมีจังหวะหน่วงให้เห็นบ้าง เป็นระยะๆ นะคะ

เจ้าตัวนี้จะใช้ UX ของตัวเอง ในชื่อว่า XOS2.2 เท่าที่ลองใช้ดู ก็ง่ายดีนะคะ มีเมนูภาษาไทย ลงธีมได้ ใช้งานแอพแบบแบ่ง 2 จอได้ เสียอย่างเดียว ตรง Navigation Bar ด้านล่าง ดันไม่มีไฟ เวลาเล่นตอนกลางคืนนี่เดาอย่างเดียวเลย 555

 

แบตเตอรี่

เรื่องแบตน่าจะเป็นข้อดีที่สุดของ NOTE4 PRO เลยค่ะ เพราะมากับแบตขนาด 4,500 mAh ที่ใช้งานมาทั้งวัน แบตก็ลดลงไปนิดเดียว เรียกว่าชาร์จครั้งเดียว อยู่ได้เกือบ 2 วัน สบายๆ แต่เท่านี้ยังไม่พอค่ะ เพราะเค้าพัฒนาเทคโนโลยี Xcharge 4.0 ที่เมื่อชาร์จเร็วเพียงครึ่ง ชม.​ก็ใช้งานต่อได้เป็นวันๆ ใครที่ไม่ชอบชาร์จมือถือบ่อยๆ ถือ NOTE4 PRO นี่น่าจะจบเลยนะคะ

 

บทสรุป

ถ้าถามอุ้มว่า NOTE4 PRO ลงตัวรึยัง อุ้มว่าคุ้มกับราคา 7,990 บาทมากๆ นอกจากจะรับประกันตัวเครื่อง 1 ปีแล้ว ยังมีเพิ่มเติมอีก 2 ส่วนคือ

  • รับประกันจอแตก 1 ปี เปลี่ยนฟรี โดยไม่มีเงื่อนไข สงวนสิทธิ์เครื่องละ 1 ครั้งภายใน 1ปีไม่รวมความเสียหายที่เกิดกับชิ้นส่วนอื่นๆ
  • รับประกันบิวท์อินแบตเตอรี่1 ปี

ใครที่ตามหามือถือจอใหญ่ แบตเยอะ มีปากกา และอุปกรณ์เสริมให้ครบถ้วน เล่น ROV ได้ยาวๆ เจ้า Infinix NOTE4PRO น่าจะเป็นอีก 1 ตัวเลือก ที่เพิ่มเข้ามาในช่วงนี้ แต่ต้องเตือนไว้ก่อนว่า เมื่อใส่เคสที่แถมมา เครื่องใหญ่พอตัว อาจจะใส่กระเป๋ากางเกง ลำบากนิดนึงนะคะ

 

สามารถสั่งซื้อได้ที่ Infinix Official Store

หรือโทร 02-369-2500

http://www.lazada.co.th/infinix-note4-pro-sanstone-black-44973255.html?spm=a2o4l.sis-6183.0.0.GyzunJ&ff=1&sc=GycY

วันนี้อุ้มขอฝากรีวิว Infinix NOTE4PRO ไว้เพียงเท่านี้ และนี่เป็นรีวิวสุดท้ายของช่วงนี้ พบกันอีกทีสิ้นเดือนนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า

Comments

comments