เป็นที่จับตามอง ตั้งแต่เริ่มมีข่าวเปิดตัว vivo X80 Series 5G ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนในซีรีส์ของมือถือถ่ายภาพและวีดีโอที่ดีที่สุดของ vivo X Series โดดเด่นด้วยฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอมืออาชีพ ด้วยเลนส์คุณภาพระดับโลก ที่ร่วมมือพัฒนากับ ZEISS พร้อมชิปประมวลผลภาพ vivo V1+ ที่พัฒนาขึ้นโดย vivo เอง สโลแกน Cinematics Redefined จัดเต็มฟีเจอร์ระดับมืออาชีพเรื่องการถ่ายวิดีโอ ZEISS Cinematic Video Bokeh, Professional Portrait และ Superb Night Camera โดยวางจำหน่าย 2 รุ่น คือ vivo X80 5G ที่ราคา 29,999 บาท และ vivo X80 Pro 5G ที่ราคา 39,999 บาท

สำหรับสเปคของ vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G มาพร้อมดีไซน์สุดพรีเมี่ยม โดดเด่นด้วยการจัดวางรูปแบบกล้องแบบ Cloud Window 2.0 สวยหรู และโดดเด่นในทุกมุมมอง ถือว่าพัฒนาจากรุ่นก่อนเยอะมาก และน่าใช้มากยิ่งขึ้น

หน้าจอ

review vivo X80 5G - ZEISS

ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมหน้าจอโค้ง ขนาด 6.78 นิ้ว ดีไซน์สวยงาม แบบ 3 มิติ (3D Curved Screen) โดยรุ่น X80 Pro ใช้จอ 2K E5 AMOLED WQHD+ Refresh Rate 120Hz รองรับเทคโนโลยี LTPO 3.0 ช่วยให้จอแสดงผลสามารถปรับอัตราการรีเฟรชระหว่าง 1Hz ถึง 120Hz ให้เหมาะกับสถานการณ์ของผู้ใช้ และช่วยจัดการพลังงานของจอแสดงผล มองจอสบายตา แถมยังประหยัดพลังงาน และรองรับ 2K Ultra Vision Screen ส่วนรุ่น X80 ใช้จอ AMOLED FHD+ Refresh Rate 120Hz

หน้าจอของ X80 Series ได้รับการรับรอง DisplayMate A+ นอกจากนี้ยังได้รับการรับรอง SGS Eye Care Display certifications หน้าจอถนอมสายตา

มีโหมด Eye Protection ถนอมสายตา

 

หน้าจอรองรับ Dark Mode

ส่วนสีตัวเครื่องนั้น ออกแบบให้ไม่ติดรอยนิ้วมือ โดยมีสี Cosmic Black และ Urban Blue (สำหรับรุ่น X80) ส่วน X80 Pro มีเฉพาะสี Cosmic Black เท่านั้น

ด้านบนของตัวเครื่องสลักข้อความ Professional Photography

ตัวเครื่องออกแบบได้จับถนัดมือ ตัวเครื่องมีความบาง แต่ตัวเลนส์กล้องมียื่นออกมา ทำให้เราควรจะใส่เคสเพื่อปกป้องเลนส์กล้อง

ZEISS กับที่สุดของการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ

กล้องของ vivo X80 Series 5G มาพร้อมระบบประมวลผลภาพของ ZEISS Professional Imaging โดยมีโลโก้ ZEISS ใกล้กับเลนส์กล้อง และซอฟต์แวร์ก็มีโหมด ZEISS ในโหมด Photo ที่สามารถถ่ายภาพในโหมด ZEISS Natural Color

โดยเลนส์กล้องมาพร้อม ZEISS T* Coating ไปตามมาตรฐานของการเคลือบ ZEISS T* ทำให้การถ่ายภาพ ได้ค่าสีที่แม่นยำ ทำให้ภาพถ่ายมีสีสันที่สวยสด สมจริง สังเกตไหมว่า เวลาเราถ่ายภาพแล้วติด Flair หรือมีแสงสะท้อนเลนส์กล้อง ตัวเคลือบตัวนี้แหล่ะ ที่ช่วยลดการสะท้อน – การฟุ้งของแสง และลดความผิดเพี้ยนของแสงที่เกิดจากแสงแฟลร์

กล้องหลัง 50MP Ultra-Sensing Sensor

X80 Pro มาพร้อมกับเซนเซอร์ Ultra-Sensing GNV ตรวจจับแสงพิเศษ ที่มีขนาดใหญ่ถึง 1/1.3 นิ้ว การมีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ทำให้รับแสงได้มากขึ้น

X80 ใช้เซ็นเซอร์ IMX866 RGBW Ultra-Sensing Sensor ตรวจจับแสงได้มากขึ้น และสร้างรายละเอียดในภาพที่น่าประทับใจ ดังนั้นถ้าหากใครจะเอาไปถ่ายภาพ กลางคืนนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพเลยเลย

สำหรับกล้องหลัง X80 Pro มี 4 กล้อง 50MP + 48MP + 12MP + 8MP กล้องหน้า 32MP
กล้องหลัง X80 มี 3 กล้อง 50MP + 12MP + 12MP

นอกจากนี้ยังมี ZEISS Portrait style ต่างๆ (ZEISS Biotar, Distagon, Planar, Sonnar และอื่นๆ) โดยภาพถ่ายหลักๆ ภาพถ่ายในรีวิวนี้จะเป็นภาพจาก vivo X80 Pro 5G

ZEISS Portrait style ZEISS Biotar

ภาพนี้ใช้ฟิลเตอร์ ZEISS Biotar สังเกตว่าเม็ด Bokeh จะวนๆ ดูแปลกตา ตัดขอบฉากหลังดี ไล่ระยะดีมาก และมีเอฟเฟค

ให้สังเกตฉากหลัง การละลาย การเบลอ มีมิติ มีความแปลกใหม่

จัดเต็มความโปร ด้วยชิป vivo Pro Imaging Chip V1+

ชิปที่ vivo คิดค้นและปรับแต่งเพื่อใช้ในการประมวลผลภาพถ่ายของตนเอง ยกระดับการแสดงผลและกราฟิกเกมบนสมาร์ตโฟนขึ้นไปอีกระดับ และช่วยในการถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืน และการแสดงผลวิดีโอที่โดดเด่น แม้ในสภาพแสงน้อย

เรื่องโทนสีเป็นความชอบของแต่ละบุคคล แต่สำหรับอุ้มชอบเรื่องโทนสีที่ถูกใจเรามากๆ

ส่วนการถ่ายภาพกลางคืน Pure Night View กับเทคโนโลยี AI Deglare และ RAWHDR ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องภาพถ่ายตอนกลางคืนในที่แสงน้อยเลย

ส่วนภาพถ่ายตอนกลางวันก็ทำได้สวยทุกมุมมอง ถ่ายใกล้ ไกลก็สวย การจัดการแสงดี มุมกว้างก็ทำได้ดี

กล้องหน้า

ระบบกันสั่น Gimbal Portrait Camera กันสั่นบนกล้องถ่ายบุคคล

บ่อยครั้งที่การถ่ายภาพบุคคล ต้องการกันสั่นช่วยให้ได้ภาพที่คมชัด เทคโนโลยี gimbal บนเลนส์ถ่ายภาพบุคคล 50 มิลลิเมตร ของ X80 Pro ให้ภาพชัด คมกริบ เพราะมันก็มีโอกาสที่กล้องจะสั่นไหวบ้าง แต่ Gimbal Portrait Camera ช่วยให้เรารอด

ภาพถ่ายจาก vivo X80 5G

สุดยอดเครื่องมือสร้างสรรค์งานวีดีโอ

ฟิลเตอร์เพื่อนักสร้างหนัง ZEISS Cinematic Video

สมาร์ทโฟน X80 Series มาพร้อมโหมดการถ่ายภาพ และฟิลเตอร์ช่วยในการถ่ายภาพและวีดีโอ รวมไปถึงโหมดภาพยนตร์ พอเราได้มือถือจอใหญ่ๆ เราก็อยากถ่ายวีดีโอและรับชมวีดีโอจอใหญ่ๆ ชัดๆ โดยมีการพัฒนาระบบการถ่ายวีดีโอในรูปแบบสัดส่วนมาตรฐานภาพยนตร์ ZEISS Anamorphic film ที่ 2.39:1 และสร้างแสงแฟลร์ที่ให้อารมณ์ความรู้สึกแบบเดียวกับรับชมภาพยนตร์ ส่วนภาพถ่ายมีการไล่ระยะหน้าชัด – หลังเบลอได้ดี

งานวีดีโอ ZEISS Cinematic Video Bokeh สามารถทำวีดีโอแบบหน้าชัด – หลังเบลอ แม้หันหน้า หันหลัง เอ็ฟเฟ็กต์เบลอหลังก็ไม่หลุด ดูได้จากวีดีโอได้เลย กล้องฉลาดมากๆ

ส่วนใครชอบทำ Vlog วีดีโอกล้องหน้า เบลอหลังได้ดีที่สุดในอันดับต้นๆ เลย

โหมด AI Video Enhancement

ด้วยจุดเด่นของชิป vivo V1+ ที่ยกระดับการถ่ายวีดีโอกลางคืนด้วย Super Night Video แม้ว่าจะมืดสนิท ก็ยังได้ภาพที่สว่างเหมือนสายตาเรามองเห็น โดย AI Video Enhancement จะตรวจจับฉาก แสง สภาพแวดล้อม เพื่อสร้างการตั้งค่ากล้องให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ ข้อดีคือความฉลาดในการตรวจจับบนวีดีโอ

Sport Mode (โหมดกีฬา) คมชัด ไม่มีเบลอ

review vivo X80 5G - ZEISS

เรียกได้ว่า คล้ายกล้อง Action Cam เลย เพราะปัญหาของคนถ่ายวีดีโอคือเรื่องของความนิ่ง ความเสถียรในการถ่ายวีดีโอ โดยเฉพาะการถ่ายภาพบุคคล หรือวัตถุสิ่งของที่เคลื่อนไหว Active Centering OIS System ช่วยเพิ่มความเสถียรของแต่ละเฟรมได้สูงสุด เพื่อให้วีดีโอนิ่ง สมูท ไม่เว้นแม้แต่การถ่ายวีดีโอกีฬาผาดโผน 360° Horizon Leveling Stabilization จะเอียงกล้องแค่ไหนก็ยังได้ภาพที่ดูแล้วไม่เวียนหัว ถ่ายวีดีโอและภาพนิ่งที่หยุดการเคลื่อนไหว และรักษาระดับความตรงของภาพ จับโฟกัสความเคลื่อนไหวให้ภาพคมชัด ไม่เบลอ

ถ้าเอาจริงๆ แม้จะไม่ใช่การถ่ายกีฬา แต่ก็สามารถใช้โหมดกีฬาถ่ายเพื่อจับโฟกัสได้อย่างแม่นยำเช่นกัน ในขณะที่วัตถุเคลื่อนไหว และใช้งานร่วมกับการถ่ายภาพบุคคล 12 ล้านพิกเซล สามารถจับภาพวัตถุได้อย่างชัดเจนในแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังถ่ายบุคคลได้โดดเด่นจากฉากหลัง โดยแยกและเบลอฉากหลังได้อย่างแม่นยำ

สุดยอดสมาร์ทโฟนเรือธง (Flagship Performance)

ใช้ชิป 4nm รุ่นล่าสุด Snapdragon 8 Gen 1 สำหรับ vivo X80 Pro 5G เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วถึง 20% จากรุ่นก่อน และ Adreno 730 GPU ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นจากเดิมมากกว่า 30% และ MediaTek Dimensity 9000 สำหรับรุ่น vivo X80 5G ปรับปรุงประสิทธิภาพของ CPU ขึ้น 45% และ GPU เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

กล้องดี แล้วการเล่นเกมล่ะ?

 

สำหรับการเล่นเกม รองรับ Game Frame Interpolation, AI Gaming Super Resolution, X-Axis Linear Motor (มอเตอร์แนวราบ) และลำโพงสเตอริโอคู่ Dual Stereo Speaker จัดเต็มเพื่อการเล่นเกมได้เต็มประสบการณ์ และด้วยจุดเด่นของชิป vivo V1+ Chip บน X80 Series ที่ทำงานร่วมกับ Game Frame Interpolation เพิ่มประสบการณ์ให้คุณเล่นเกมได้เต็มที่

ระบบระบายความร้อน Ultra Large Liquid Cooling Vapor Chamber (VC) ช่วยให้คุณเล่นเกมได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องเครื่องร้อน โดยมขนาดอยู่ที่ 4,285mm² ใหญ่กว่า กว้างกว่า X70 ถึง 76% และมีขนาดของ graphite cooling plate ที่ใหญ่กว่า 84% ทำให้เล่นเกมเครื่องไม่ร้อน เฟรมเรตนิ่ง

การใช้งาน 5G บน vivo X80 Pro รองรับ 5G แบบ SA และ NSA สามารถเลือกกำหนดให้จับสัญญาณ SA หรือ NSA อย่างเดียวหรือจะให้เลือกอัตโนมัติก็ทำได้

รันบนอินเทอร์เฟซ Funtouch OS 12 บน Android 12

น้ำหนัก 219 กรัม สำหรับสี Cosmic Black ของ X80 Pro และ 206 กรัม สำหรับสี Cosmic Black และ Urban Blue บน X80

รองรับการสแกนลายนิ้วมือ Ultrasonic Fingerprint Sensor

แบตเตอรี่ X80 Pro ความจุ 4700mAh (TYP) รองรับ 80W Flash Charge และ X80 ความจุ 4500mAh (TYP) และรองรับการชาร์จไร้สาย Wireless FlashCharge (เฉพาะรุ่น X80 Pro)

แรม 12GB รองรับ Extended RAM 4GB + หน่วยความจำในตัวเครื่อง UFS 3.1 ขนาด 256GB

สามารถเข้ามาเปิด Extended RAM ได้ เป็น 12GB + 4GB

vivo x80 extended ram 4GB

เรียกได้ว่า พกตัวเดียวจบ ซึ่งทั้ง vivo X80 5G และ vivo X80 Pro 5G ตอบโจทย์การถ่ายภาพ และวีดีโอได้ดีมากๆ ชิป V1+ ช่วยให้ถ่ายภาพตอนกลางคืนได้ดีมากๆ การใช้งานต่าง ลื่นไหล วัสดุ จับถือได้สะดวก ตัวเครื่องไม่ติดรอยนิ้วมือ แบตใช้ได้นาน รองรับชาร์จไว แนะนำว่าทั้งมือใหม่และมืออาชีพที่ชอบถ่ายภาพและวีดีโอ ควรเป็นเจ้าของ แต่ถ้าเสียดายจุดเดียวคงจะเป็นเรื่องสีที่นำเข้ามาจำหน่าย vivo X80 Pro 5G มีสีเดียว

#vivoX80Series5G #CinematicsRedefined

Comments

comments